วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

วิชาศิลปะ เรื่อง การออกแบบและสิ่งแวดล้อม

    
   แอนดี โกลด์สเวิร์ทธี (  Andy Goldsworthy)

 (26 กรกฎาคม ค.ศ. 1956-ปัจจุบัน) เป็นประติมากร ช่างภาพและนักต่อสู้เพื่อสิ่งแวดล้อม คนสำคัญของอังกฤษที่ตั้งถิ่นฐานอยู่ในสกอตแลนด์ผู้สร้างงาน 

ประติมากรรมประเภทที่เรียกว่าศิลปะเฉพาะที่ และ ธรณีศิลป์ ที่จะตั้งอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เป็นธรรมชาติ งานศิลปะของโกลด์สเวิร์ทธีใช้วัสดุธรรมชาติหรือวัสดุที่พบทั่วไปในการสร้างงานที่อาจจะเป็นทั้งงานชั่วคราวหรืองานที่ถาวรที่มาจากลักษณะและสิ่งแวดล้อมธรรมชาติ


Andy Goldsworthy

เป็นอดีตศาสตราจารย์ทางสาขาคณิตศาสตร์ประยุกต์ ที่ มหาวิทยาลัยลีดส์ โกลด์สเวิร์ทธีเติบโตขึ้นทางด้านฮาร์โรเกทของลีดส์ในเวสต์ยอรค์เชอร์ ตั้งแต่อายุได้ 13 ปีโกลด์สเวิร์ทธีก็ทำงานในฟาร์ม และมีความเห็นว่าคุณสมบัติของงานประจำที่ซ้ำๆ กันของงานที่เกี่ยวกับการทำฟาร์มก็คล้ายคลึงกันกับกระบวนการสร้างงานประติมากรรม ดังที่กล่าวไว้ว่า งานส่วนใหญ่ของผมก็คือการขุดเก็บมันฝรั่ง ที่คุณต้องจับจุดให้เข้ากับจังหวะ (rhythm) ของงาน

  

วัสดุที่โกลด์สเวิร์ทธีใช้ในการสร้างงานศิลปะก็รวมทั้ง ดอกไม้สีสด, ใบไม้, แท่งน้ำค้างแข็งย้อย (icicle), โคลน, ดอกสน(pinecone), หิมะ, หิน, กิ่งไม้ และ หนาม โกลด์สเวิร์ทธีกล่าวว่า
ผมคิดว่าการสร้างงานด้วยดอกไม้และใบไม้และกลีบดอกไม้เป็นสิ่งที่ทำได้ยากเป็นอย่างยิ่ง แต่ผมก็ต้องทำ: ผมไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงวัสดุที่ผมใช้ คือผมจะต้องทำงานกับสิ่งที่เป็นอยู่ตามธรรมชาติ

โกลด์สเวิร์ทธีถือกันว่าเป็นศิลปินผู้ริเริ่มศิลปะการวางหินเชิงสมมาตร (Rock balancing) สมัยใหม่ สำหรับงานศิลปะชั่วเวลาโกลด์สเวิร์ทธีมักจะใช้มือเปล่า, ฟัน หรือหาเครื่องมือง่ายๆ ในการช่วยเตรียมและจัดรูปแบบของงาน
ธรรมชาติของที่สร้างมักจะเป็นงานประเภทที่ แปรรูป” (transient state) ที่เป็นงานชั่วเวลาที่แปรเปลี่ยนไปทุกขณะที่ทำ เช่น การสร้างงานประติมากรรมด้วยแท่งน้ำค้างแข็งย้อยที่เมื่อสร้างแล้วก็อยู่ได้เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็จะสลายไป หรือการสร้างกองหินรูปดอกสนตามชายหาดก่อนน้ำขึ้น เมื่อน้ำขึ้นก็จะทลายกองหินที่ทำไว้ ตามความเห็นของโกลด์สเวิร์ทธี งานแต่ละชิ้นจะเติบโต, คงอยู่, สูญสลายไป ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักร ที่การใช้การถ่ายภาพที่บันทึกให้เห็นถึงจุดที่อิ่มตัวที่มีชีวิตที่สุดของงาน งานตรงจุดสูงสุดเต็มไปด้วยพลังที่ผมหวังว่าจะสามารถแสดงออกได้จากการจับภาพเอาไว้ ส่วนกระบวนการหักพังสูญสลายนั้นเป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างไม่ต้องสงสัย 

 YSP goldsworthy 07-3.JPGAndy Goldsworthy sculpture in the Royal Botanic Garden Edinburgh.jpgAndy Goldsworthy-Fold1.jpg

AndyGoldsworthy-ArchatGoodwood-2002.jpg



สมบัติ แก้วทิตย์

       

สมบัติ แก้วทิตย์ เป็นเสมือนเหรียญสองด้าน ด้านหนึ่งคือครูที่เฝ้าปลูกต้นไม้ในหัวใจเด็ก มอบคุณค่า ความหมาย ความงามของศิลปะให้เยาวชน สร้างความรัก ความเข้าใจธรรมชาติให้เกิดขึ้นในชุมชน ปลูกฝังอุดมการณ์รักษ์น้ำ ฟ้า ป่า เขา และภูมิลำเนา และอีกด้านหนึ่ง เขาคือศิลปินนักอนุรักษ์ สร้างงานเพลงเฮฟวี่เมเทลที่ทรงพลัง ที่ได้จากการฝังตัวทำงานในป่ามากว่า 20 ปี

สมบัติ แก้วทิตย์ เป็นคนบ้านดอนตัน อ.ท่าวังผา จ.น่าน เขาเติบโตมากับครอบครัวชาวนา พ่อซึ่งเคยดำรงตำแหน่งคณะกรรมการหมู่บ้านก็เป็นนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมคนหนึ่งในอำเภอท่าวังผา และนี่อาจเป็นแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาเลือกเส้นทางอนุรักษ์เมื่อเติบโต
หลังจากจบด้านศิลปะจากมหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตบางแสน ในจังหวัดชลบุรี สมบัติ แก้วทิตย์ เดินทางกลับบ้าน เขาทำงานเป็นครูสอนศิลปะ โดยเริ่มต้นงานสอนที่โรงเรียนบ้านสันเจริญ ในอำเภอท่าวังผา ตามมาด้วยโรงเรียนบ้านน้ำโมง-ปางสา และโรงเรียนบ้านน้ำลักใต้ ตลอดระยะเวลา 19 ปี ที่รับราชการครู จนแม้ออกจากราชการแล้ว ก็ยังอุทิศตนเป็นครูศิลปะให้กับเด็ก ด้วยวิญญาณครูในฐานะศิลปินอิสระ และนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม

                       จากแนวความคิดที่เคารพศรัทธาต่อต้นน้ำ ลม ไฟ ต้นไม้ และใบหญ้า ที่เป็นสิ่งเล็กๆ รอบตัว บ่มเพาะสำนึกรักในสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ จึงได้สร้างที่พักท้ายหมู่บ้าน เพื่อใช้เป็นศูนย์ประสานงานและเรียนรู้เรื่องธรรมชาติ ทำให้เกิดความคิดใหม่ๆ ขึ้นมา ว่าต้องสร้างสำนึก คิดดี ทำดี ที่สำคัญคือให้เด็กๆ รู้ว่าต้นไม้อยู่กับคนได้ และเข้าใจว่าป่า เป็นแหล่งกำเนิดของสายน้ำที่หล่อเลี้ยงทุกสรรพสิ่ง หากขาดน้ำ ขาดป่า ชีวิตไม่อาจดำรงอยู่ได้



ส่วนผสมที่ลงตัวของ "ครู" และ "ศิลปิน"


ครูสมบัติเริ่มต้นงานอนุรักษ์พร้อมกับการเริ่มอาชีพครู เมื่อเริ่มต้นนั้น เขาสอนวิชาศิลปะในโรงเรียนบ้านสันเจริญ ต่อมาในปี 2535 ได้ขยายการเรียนรู้ร่วมกับชุมชน โดยการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการรณรงค์ปลูกจิตสำนึก สิ่งแวดล้อมโลกภูสันตะวันลับฟ้า ขึ้นเพื่อสอนงานศิลปะและแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องสิ่งแวดล้อม
"ผมมองว่าเด็กเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของงานสิ่งแวดล้อม ศิลปะสื่อเข้าไปในจิตวิญญาณ หวังว่าอนาคตเด็กจะเติบโตขึ้น และดูแลสิ่งแวดล้อมต่อไป" ครูสมบัติ เชื่อมั่นในอัจฉริยะที่มีในเด็กทุกคน
การสร้างสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อมต้องเริ่มจากเด็ก ให้ธรรมชาติเป็นครู ใช้ดนตรีเป็นสื่อ แม้ว่าจะสร้างจิตสำนึกยากและสร้างผลงานนาน ครูสมบัติจึงคิดเอกลักษณ์หรือสัญลักษณ์ออกมาให้จำง่าย โดยใช้ชื่อว่า "ภูสันตะวันลับฟ้า" ซึ่งตัวแทนของเป็นกลุ่มเครือข่ายที่มุ่งทำงานด้านการอนุรักษ์ธรรมชาติ
"ผมคิดว่าตัวเองเป็นจุดเล็กๆ จุดหนึ่งที่ร่วมในกระบวนการสร้างจิตสำนึก ซึ่งเปรียบเสมือนภาพวาดผืนใหญ่มาก" สะท้อนความคิดจากครูสมบัติ

การสร้างจิตสำนึกในโรงเรียน เขาใช้จิตวิทยาทางศิลปะกับเด็ก เช่น การวาดรูปนก ต้นไม้ ทำให้ซึมซับความคิดผ่านงานศิลปะ หากจุดยืนอยู่ที่การจัดการป่า โดยสอนให้เด็กได้รู้จักต้นไม้และป่า เนื่องจากมองว่าในอนาคตเด็ก คืออนาคตของชาติและท้องถิ่น
 
รายได้ในการเลี้ยงกลุ่ม ก็มาจากการผลิตงานที่วางขายตามแกลลอรี่ภาพต่างๆ โดยมีน้องๆ ที่อยู่ในกรุงเทพฯ ช่วยประสานงานให้ พร้อมทั้งทำงานเพลงออกมาควบคู่กันไปด้วย อาจกล่าวได้ว่า ครึ่งหนึ่งของชีวิตสมบัติ แก้วทิตย์อยู่กับงานศิลปะ และอีกครึ่งหนึ่งก็อุทิศให้กับการลงชุมชนเพื่อพูดคุยกับผู้คนเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติ โดยมีองค์กรที่รองรับกิจกรรมคือ ชมรมอนุรักษ์ธรรมชาติภูสัน

งานรณรงค์ดำเนินไปพร้อมๆ กับงานเพลงในรูปบทกวี 14 อัลบั้ม เป็นบทเพลงร็อคแนวเฮพวี่เมทัลแห่งวง "ดอนผีบิน" และ "สุสานเก่าบนดอย" ร่วมกับงานศิลปะที่สอดแทรกเนื้อหาสิ่งแวดล้อม และระบบนิเวศเพื่อให้ตระหนักถึงผลกระทบของการทำลาย พร้อมๆ กับการเสริมสร้างสำนึกในการร่วมสร้างสรรค์สิ่งแวดล้อม

จากรูปธรรมการปลูกต้นไม้ในป่า สร้างศิลปินเด็ก สร้างศูนย์ปฏิบัติการรณรงค์ ปลูกจิตสำนึกสิ่งแวดล้อมโลกภูสันตะวันลับฟ้า และใช้บ้านของตนเองเป็นเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เรื่องสิ่งแวดล้อม
งานเพลงของวงดอนผีบิน ซึ่งครูสมบัติเป็นแกนนำ ได้รับรางวัลสีสันอวอร์ด มีแฟนคลับและเริ่มมีงบประมาณลงมาเริ่มตั้งศูนย์ฯ เพื่อรวบรวมผลงานที่ดำเนินมานานกว่า 15 ปี

แนวคิดต่อบทเพลงที่ออกมาเป็นแนวร็อค ผนวกกับสถานการณ์ปัญหาในพื้นที่ที่มีความรุนแรง เนื้อหาของเพลงที่ออกมาจึงเป็นไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริง ส่วนรูปแบบที่ออกมานั้นไม่ได้ลอกเลียนแบบจากต่างประเทศ เนื้อหาของเพลงจะเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว และขยายออกไปจากการบอกต่อ จนได้รับการยอมรับจากแฟนเพลง ออกผลงานออกมาหลายชุด และสังกัดค่ายหลายค่ายด้วยกัน ตั้งแต่ชุดที่ 3 สังกัดค่าย BBN ชุดที่ 4 สังกัดค่าย ONPA ชุดที่ 5 ค่ายวอเบอร์ และชุดที่ 6 สังกัดค่ายแกรมมี่ อย่างไรก็ตามบทเพลงที่ทำ ก็ยังเป็นการต่อสู้ทางความคิด และเป้าหมายที่ต่างกัน แต่ยังยืนหยัดด้วยเจตนาเดิมที่มุ่งรักษาสิ่งแวดล้อม
 
ผู้ขับเคลื่อนแนวคิด

นายศักดิ์ โนศรี ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านน้ำลักใต้ อ.ท่าวังผา จ.น่าน พูดถึงครูสมบัติ ด้วยความชื่นชม ผอ.ศักดิ์ บอกว่าตัวเองนั้นเดิมเป็นคนค่อนข้างสำรวย ติดกินเที่ยวไปตามประสา แต่พอได้พูดคุยแนวคิดกับครูสมบัติบ่อยๆ เขาก็เปลี่ยนแนวคิด หันมาสนใจงานอนุรักษ์ จนเด็กๆ สามารถสร้างผลงานด้านศิลปะนำเสนอถึงต่างประเทศได้ นอกจากนั้น สิ่งที่ยืนยันแนวคิดของครูสมบัติอย่างเป็นรูปธรรม คือการฟื้นฟูภูเขาหัวโล้นให้กลับมาเป็นผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ ด้วยความร่วมมือกับโครงการปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์เป็นปีที่ 50

"เมื่อปี 2536 โรงเรียนบ้านน้ำลักใต้มีครูประจำอยู่ 4 คน สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันสอน ขณะนั้นมีอาคารเพียงหลังเดียว และส่วนอื่นๆ ขอบริจาคบ้าง ครูสมบัติหามาเสริมให้บ้าง และรูปแบบที่มาสร้างใหม่นั้น ครูสมบัติเป็นผู้วางผังโรงเรียนและสอนศิลปะสิ่งแวดล้อมให้กับเด็กในโรงเรียนในการอนุรักษ์ นอกจากนี้ในพื้นที่บริเวณใกล้ๆ โรงเรียน ยังมีศูนย์พิพิธภัณฑ์ชาวเขา ซึ่งในอดีตบริเวณพื้นที่ดังกล่าวยังไม่มีป่าปกคลุม เป็นพื้นที่ไร่เก่าและไม่มีต้นไม้อยู่ ต่อมาชาวบ้านร่วมกับนักเรียน ครู ปลูกป่าร่วมกัน" ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านน้ำลักใต้ กล่าว
ปัจจุบัน ศูนย์ฯ ดังกล่าวกลายเป็นแหล่งเรียนรู้วิถีชีวิตของชุมชนซึ่งเป็นเผ่าเมี่ยน (เย้า) ได้รับการสนับสนุนจากอาสาสมัครญี่ปุ่น 60 คน ในการซ่อมแซมอาคารให้แข็งแรงและมั่นคง ด้านบนของพิพิธภัณฑ์มีบ่อปลาให้เด็กได้เรียนรู้ เป็นงานที่เด็กๆ กับชุมชนร่วมกัน จากการไปศึกษาดูงานภายนอกหมู่บ้าน ได้เห็นสายน้ำที่มีปลาอาศัย มีน้ำตกที่มีน้ำไหลตลอด จึงได้ร่วมกันจำลองแนวคิดดังกล่าวขึ้นมา
นายวัจนา ต๊ะแสนเทพ เพื่อนครูคนหนึ่งในโรงเรียนบ้านน้ำลักใต้ พูดถึงครูสมบัติว่า เป็นคนที่มีความมุ่งมั่น เสียสละ ปลูกฝังนักเรียน
นายเจริญศักดิ์ เลิศวรายุทธ อดีตผู้ใหญ่บ้านบ้านสันเจริญ อ.ท่าวังผา เล่าให้ฟังว่า บ้านสันเจริญเป็นชุมชนเผ่าเมี่ยน ตั้งอยู่บนดอยภูสัน ในอดีตมีการปลูกฝิ่น ทำข้าวไร่ ต่อมามีการทำสัมปทานป่าไม้ และลักลอบตัดป่าต๋าว (ลูกชิด) ทำให้ป่าเสื่อมโทรม จากนั้น ก็มีการตัดถนนผ่านเข้าสู่หมู่บ้าน ทำให้เริ่มเกิดปัญหาทั้งที่ดินทำกิน ป่า สิ่งแวดล้อมและชุมชนอื่นๆ ด้วย ชุมชนนั้นมีจิตสำนึกในการดูแลรักษาป่ามาอยู่แล้ว จึงได้ร่วมประชุมหาแนวทางโดยมีผู้บริหารโรงเรียนบ้านน้ำโมง-ปางสา และครูสมบัติเข้ามาคุยร่วมกับชาวบ้านในการจัดการพื้นที่ป่าและที่ทำกินรวม 20,000 ไร่ แบ่งเป็นพื้นที่ทำกิน 5,000 ไร่ ป่าชุมชนและการฟื้นฟูสภาพป่า 7,000 ไร่ ส่วนที่เหลือเป็นพื้นที่ป่าอนุรักษ์

อดีตผู้ใหญ่บ้าน กล่าวต่อว่า เพื่อเป็นการอนุรักษ์ป่าต้นน้ำที่เรียกว่า "ภูหลง" จึงมีตั้งชมรมคนต้นน้ำขึ้นในปี 2535 เพื่อรวบรวมเงินมาเป็นค่าใช้จ่าย โดยเก็บจำนวน 100 บาท/1 ปี/ครัวเรือน เงินที่ได้นำมาปล่อยกู้ด้านการทำกิน เพื่อนำดอกไปใช้ในกิจกรรมของเครือข่ายภูหลง แนวคิดการบริหารจัดการ ส่วนใหญ่มาจากครูสมบัติ
ทุกวันนี้ หากใครเดินทางเข้าพื้นที่ป่าภูสันและป่าภูหลง ในอำเภอท่าวังผา ก็จะเหมือนกับเดินเข้าสู่ห้องแสดงผลงานศิลปะที่ยิ่งใหญ่ กระจัดกระจายด้วยผลงานศิลปะจากหัวใจของครูสมบัติ โดยใช้ป่าเขา ชุมชน โรงเรียน เป็นที่ตั้งของงานศิลปะ
ภาพเขียนและข้อความต่างๆ เป็นสื่อนำให้เกิดความเข้าใจปัญหา เข้าใจความงามแห่งธรรมชาติ แนวคิดของครูสมบัติทำให้เกิดการสร้างเครือข่ายไปตามโรงเรียนต่างๆ กระตุ้นให้องค์กรท้องถิ่นหันมาให้ความสำคัญเรื่องสิ่งแวดล้อม เกิดกลุ่มทำงานอนุรักษ์ในจังหวัดน่าน ที่เชื่อมโยงกันเป็นเครือข่ายถึง 15 กลุ่ม จนอาจกล่าวได้ว่า ไม่มีใครในอำเภอท่าวังผา ไม่รู้จักครูสมบัติ แก้วทิตย์

และอาจกล่าวได้ว่า นี่คือห้องศิลปะที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของเมืองไทย โดยมีศิลปินผู้หนึ่งคอยขับขานบทเพลงให้ก้องกังวานไพร



ชื่อ-นามสกุล : นายสมบัติ แก้วทิพย์
อายุ : 46 ปี
ที่อยู่ : 10/1 บ้านดอนตัน ต.ศรีภูมิ อ.ท่าวังผา จ.น่าน
โทร. 01 961 4343
การศึกษา : ปริญญาตรีด้านศิลปกรรม มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตบางแสน
การทำงาน : ศิลปินอิสระ และ นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
เกียรติประวัติ :
ปี 2538 รางวัลเพลงยอดเยี่ยม "สีสันอวอร์ต" ประเภทสื่อเนื้อหาอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ปี 2540 รางวัลเพลงบรรเลงยอดเยี่ยม "สีสันอวอร์ต" ประเภทเนื้อหาอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
ระยะเวลาทำงานด้านอนุรักษ์สิงแวดล้อม : 13 ปี (ปี 2535-ปัจจุบัน)
ผลงาน :
จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการงานรณรงค์ปลูกจิตสำนึกสิ่งแวดล้อมโลกภูสันตะวันลับฟ้า
ทำโครงการฟื้นฟูป่า และร่วมจัดตั้งชมรมฟื้นฟูป่าภูหลง
ทำกิจกรรมอนุรักษ์วัฒนธรรมท้องถิ่น วิถีชีวิตชุมชน และจัดค่ายเยาวชน
ขับเคลื่อนด้านงานเพลงเพื่อสร้างสำนึกสิ่งแวดล้อม

แสดงผลงานศิลปะเพื่อหารายได้สมทบทุนป้องกันไฟป่า

แหล่งที่มา    http://pttinternet.pttplc.com/greenglobe/2548/personal-09.html



บีม-กวี ตันจรารักษ์

บีม-กวี ตันจรารักษ์ได้กล่าวถึงบทบาทและหน้าที่ของตนเองในการดำรงตำแหน่งฑูตของ WWF ว่า    ดีใจมากครับที่ได้โอกาสดีๆอย่างนี้ และก่อนอื่นบีมต้องขอขอบคุณ WWF ประเทศไทย อย่างมากเลยนะครับ ที่ให้เกียรติบีมมารับบทบาทซึ่งมีความสำคัญมากๆ ในครั้งนี้ พร้อมให้โอกาสในการทำงานดี ๆเพื่อสังคม โดยเฉพาะเรื่องการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม เพราะตั้งแต่ บีมเข้ามาเป็นศิลปิน ทาง RSก็สนับสนุนให้ร่วมงานกิจกรรมเพื่อสังคมมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้ จะเป็นกิจกรรมที่ทำเพื่อสิ่งแวดล้อมอย่างชัดเจนและต่อเนื่อง เพราะ WWF นั้น ถือเป็นองค์กรที่ทำงานด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ใหญ่ที่สุดในโลก และดำเนินงานในประเทศต่างๆ กว่า 150 ประเทศทั่วโลก ก่อตั้งมา 47 ปี แล้ว โดยวัตถุประสงค์ของ WWF มุ่งเน้นในเรื่องการแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยการปลุกจิตสำนึกให้เยาวชนไทยทุกคนให้หันมาใส่ใจและให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ซึ่งถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งต่อประเทศและต่อโลกของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่เราทุกคนกำลังประสบกับปัญหาวิกฤตโลกร้อนอยู่ในขณะนี้


เมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา บีมได้มีโอกาสไปดูงาน ของ WWF ที่ศูนย์ศึกษาธรรมชาติ บางปู ซึ่งได้เรียนรู้หลายอย่างเกี่ยวกับธรรมชาติป่าชายเลน ที่มีทั้งพืชและสัตว์ประจำถิ่นอาศัยอยู่ ซึ่งเราควรร่วมกันอนุรักษ์เอาไว้ หน้าที่ของบีมในการดำรงตำแหน่งทูต WWF ประเทศไทย ก็คือประชาสัมพันธ์งานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับองค์กรฯ อาทิเช่น แคมเปญ Earth Hour ที่จะรณรงค์ให้เมืองใหญ่ทั่วโลกร่วมกันปิดไฟ 1 ชั่วโมง ในวันที่ 29 มีนาคม 2551 เวลา 20.00 น. พร้อมกันตามเวลาท้องถิ่นของแต่ละประเทศ , ค่ายแพนด้ายุวทูต ซึ่งเป็นกิจกรรมค่ายเยาวชน เพื่อเสริมสร้างการเรียนรู้ด้านการอนุรักษ์ฯ และสร้างความตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อมต่อสาธารณะ, กิจกรรมเดินเต่า และรักษาอันดามัน เป็นกิจกรรมดำน้ำทำความสะอาดท้องทะเล เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในงานอนุรักษ์ และรักษาระบบนิเวศของอันดามันให้คงความงดงามน่าท่องเที่ยวตลอดไป


โดย คุณพรพรรณ เตชรุ่งชัยกุลประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท อาร์ เอส จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงความร่วมมือของทางบริษัทฯ และ WWF ในครั้งนี้ว่า จากการที่ทางบริษัทฯ เครือข่ายบันเทิงครบวงจร ผลิตศิลปิน-ดาราออกสู่สังคม ที่ล้วนมีอิทธิพลต่อคนรุ่นใหม่ ทำให้เรามุ่งให้ความสำคัญกับการทำกิจกรรมเพื่อสังคม ร่วมกับทางภาครัฐ และองค์กรเอกชนที่ไม่แสวงหากำไร ด้วยการจัดตั้งมูลนิธิเชษฐโชติศักดิ์ เพื่อสนับสนุนทุนการศึกษา อุปกรณ์การเรียนให้เด็กและโรงเรียนที่ขาดแคลนในถิ่นทุรกันดาร โดยเป็นความร่วมมือของทีมผู้บริหาร พนักงานและศิลปิน-ดารา ทั้งนี้ เรายังได้ส่งศิลปินในสังกัดเข้าร่วมกิจกรรมสาธารณกุศลต่างๆของภาครัฐและเอกชนที่ขอความร่วมมือมาอย่างต่อเนื่อง และในวันนี้ RS ก็ยังได้เดินหน้าในการทำกิจกรรมส่งเสริมสังคมต่อ ด้วยการสนับสนุนอาสาสมัครจากผู้บริหาร และพนักงาน RS ช่วยกิจกรรมด้านสิ่งแวดล้อมกับ WWF ซึ่งโครงการนี้เราได้เลือก บีม-กวีมาเป็นทูตคนแรกของ WWF ประเทศไทย สำหรับ บีมนั้น ก็เป็นศิลปินที่มีความสนใจเกี่ยวกับงานอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอยู่แล้ว ซึ่งน่าจะเป็นแรงผลักดันคนรุ่นใหม่ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการรณรงค์และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้ด้วย ทั้งนี้ทางบริษัทฯ ได้มีการพูดคุยกับศิลปินแต่ละคนเกี่ยวกับความสนใจในงานด้านสังคมในเบื้องต้น เพราะเราจะเน้นตั้งแต่แรกว่าเราจะไม่สร้างภาพ แต่เราจะทำในเรื่องที่ศิลปินสนใจ และสามารถทำได้จริงค่ะ



ด้าน ดร. โรเบิร์ต มาเธอร์ ผู้จัดการอาวุโส โครงการลุ่มน้ำโขง กล่าวเพิ่มเติมว่า

จากวัตถุประสงค์ของการแต่งตั้งทูต เราได้มีการกำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะมาทำหน้าที่ไว้ว่า จะต้องเป็น ผู้ที่มีความรักในธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม มีพฤติกรรมส่วนตัวในการใช้ชีวิตประจำวันที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มีความมุ่งมั่นตั้งใจ และมีเวลาเพียงพอที่จะช่วยเหลืองานของ WWF ในโอกาสที่เหมาะสม อีกทั้งยังต้องเป็นผู้ที่มีประวัติดี ไม่เคยเป็นที่เสื่อมเสียต่อสังคม และมีความกระตือรือร้นในการแสวงหาความรู้ และเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ รวมไปถึงมีชื่อเสียงด้านดี และเป็นที่ยอมรับต่อสังคม

อนึ่ง ในฐานะทูต WWF ประเทศไทย นั้น บีมจะช่วยสื่อสารกับสาธารณชน โดยเฉพาะกลุ่มเยาวชนซึ่งจะเป็นกำลังสำคัญของประเทศชาติในอนาคตในการสร้างจิตสำนึก ตระหนักรู้ และร่วมกันดูแลรักษาธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการช่วยระดมทุนช่วยเหลือโครงการอนุรักษ์ ที่มีคุณค่าตามแต่เวลาและโอกาสที่เหมาะสมเช่นเดียวกับในประเทศต่างๆ ที่มีบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของสังคมในแขนงต่างๆ ขยายออกไปในวงกว้าง อาทิ เจ้าชายเบอร์ฮาร์ด ประเทศสวิสเซอร์แลนด์, เจ้าชายฟิลิป ดยูคแห่งเอดินเบอระ , สมเด็จพระราชินีนูร์ ประเทศจอร์แดน , เจ้าหญิงอเล็กซานตร้า แห่งเกาะอังกฤษ , เจ้าชายฮารูฮิโต๊ะ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นองค์อุปถัมภ์ขององค์กร รวมไปถึง มิสสิทาชามา นางงามเนปาล และนางอินทิรา คานธี อดีตนายกรัฐมนตรีของอินเดีย ฯลฯ ที่ต่างก็ให้การสนับสนุนเพื่อขยายการดำเนินงานของ WWF ด้วยดีมาโดยตลอด


แหล่งที่มา http://wwf.panda.org/th/about22/new_and_information/?128644/-RS-WWF-

วิชา คณิตศาสตร์ เรื่อง การอ่านและแปลความหมายของกราฟและของระบบสมการเชิงเส้น



ตารางแสดงข้อมูล ค่าไฟตั้งแต่
เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2557 ดังนี้ 


เดือน      มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม เมษายน พฤษภาคม 

ค่าไฟ(บาท)  397    384    780    788   1,624 


ให้    x แทนเดือน  

      y แทนค่าไฟ(บาท) 




ที่มา:ใบเสร็จค่าไฟของคุณ วรรณชัย ดอนจันทร์ 

สรุป 

      จากข้อมูลแสดงค่าไฟตั้งแต่เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2557 
พบว่าค่าไฟเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงเดือนพฤษภาคมซึ่งมีค่าไฟสูงที่สุด 
เนื่องจากในช่วงสามเดือนนี้มีอากาศร้อนจึงทำให้ต้องใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านอย่าง 
เครื่องปรับอากาศเพิ่มขึ้นตาม 
       ดิฉันขึ้นว่าในเดือนต่อไปค่าไฟจะลดลง เพราะในเดือนต่อไปนั้นได้เข้าช่วงฤดูฝนแล้วจะมีสภาพอากาศที่เย็นสบายมากขึ้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น






ตารางแสดงข้อมูล ค่าน้ำตั้งแต่
เดือนมกราคม-พฤษภาคม 2557 ดังนี้ 


เดือน      มกราคม กุมภาพันธ์ มีนาคม เมษายน พฤษภาคม  

ค่าน้ำ(บาท)  119    119     100   119    110 


ให้     x แทนเดือน 

       y แทนค่าน้ำ(บาท)




ที่มา:ใบเสร็จค่าน้ำของคุณ วรีญญา ดอนจันทร์ 


สรุป

 จากข้อมูลแสดงค่าน้ำตั้งแต่เดือนมกราคม - พฤษภาคม 2557 พบว่าค่าน้ำคงที่ตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ ค่าน้ำลดลงในเดือนมานาคมซึ่งต่ำที่สุดและเพิ่มขึ้นในเดือนเมษายน 
ลดลงในพฤษาคม 
           ดิฉันขึ้นว่าในเดือนต่อไปค่าไฟจะลดลง เพราะในเดือนต่อไปนั้นได้เข้าช่วงฤดูฝนแล้วจะมีสภาพอากาศที่เย็นชื้นจึงไม่จำเป็นต้องใช่น้ำมาก






ตารางแสดงข้อมูล ค่าโทรศัพท์ตั้งแต่
เดือนมีนาคม-กรกฎาคม 2557 ดังนี้ 


เดือน     มีนาคม เมษายน พฤษภาคม มิถุนายน กรกฎาคม

ค่าโทรศัพท์  132   132     135     196   142 
(บาท) 


ให้   x แทนเดือน 
    
     y แทนค่าโทรศัพท์(บาท) 


 


ที่มา:ใบเสร็จค่าโทรศัพท์ของคุณ นงลัษณ์ มโนหรทัต
    (ARTLAB STUDIO) 


สรุป

   จากข้อมูลแสดงค่าโทรศัพท์ตั้งแต่เดือนมีนาคม-กรกฎาคม 2557 พบว่า ค่าโทรศัพท์คงที่ตั้งแต่เดือนมีนาคมจนถึงเดือนเมษายนและเพิ่มขึ้นจนถึงเดือนมิถุนายนซึ่งมีค่าโทรศัพท์สูงที่สุด อาจเพราะทางคุณนงลักษณ์ใช้โทรศัพท์ของโรงเรียนในการติดต่อกับเด็กนักเรียนที่มาเรียน มาสมัครหรือประสานงานต่างๆในช่วง
เดือนนี้และลดลงในเดือนกรกฎาคม 
   ดิฉันคิดว่าในเดือนต่อไปค่าโทรศัพท์จะลดลง เพราะในเดือนต่อไปทางโรงเรียน
อาจจะไม่มิจกกรรมอะไรเป็นพิเศษที่จะใช้โทรศัพท์ในการติดต่อกับบุคคลต่างๆมากนัก 














วิชาภาษาอังกฤษ เรื่อง life change



Prodigal life
            
  I used to be very prodigal when I was young.  I never thought of the value of money that my parents have to work hard to earn it.  I wasted a lot of money with fashionable clothes, handbags and brand name shoes.  I did not take good care of my mobile phones and ended up losing four of them.  At last, my mother decided to teach me about value of money.  She bought me an iPhone when I was in P.5 and told me to take good care of it.  She will never buy me any new phone if I lose it. My mom also told me how difficult to work for money, and finally I realized that I was very Prodigal.  I have changed and became a new person.  I still use the same iPhone and stop buying expensive things.  now I know how hard it is to earn money.


Story by Thanatcha
 Translated by Pavarisa
M.3/2



How to save money
1. Change your attitude to your mortgage
2. Clear your credit card debt
3. Cut the cost of your fuel bills
4. Consider installing a water meter
5. Cut your home phone bills
6. Consider a pay-as-you go mobile
7. Make a shopping list

8. When was the last time you went to the market?
9. Consider own-brand goods
10. Don't buy designer labels
11. Sell your clutter on eBay
12. Use your talent to earn extra cash 
13. Do DIY
14. Shop around for the cheapest household insurance
15. Don't automatically renew annual travel insurance
16. Choose cheaper breakdown insurance
17. Are you paying too much for your life insurance?
18. Book early
19. Book your own package
20. Learn to say 'no'

21. Go pre-paid for cheaper illnesses   
23. Avoid expensive days / evenings out
24. Beat the ticket touts
25. Don't be a Bucket - or try to keep up with the Joneses
26. Trade down your car
27. Ask yourself: do I really need this?
28. Walk/cycle to the station/work
29. Get off the station before your usual stop and walk
30. Cut down your drinking
31. Pack up smoking
32. Cancel your gym membership
33. Use your library
34. The three-for-two trick
35. Buy clothes and presents in the sales
37. The Christmas lottery
38. The National Lottery - it won't be you!
39. Use your Isa allowances
40. Claim your benefits and tax credits
41. How saving £50 a month now can save you £120 next           year
42. Do you need all those TV channels?
43. Bin the ready meals
44. Take up a money-saving hobby
45. Fight your parking tickets
46. Avoid extended warranties
47. Shop online
48. Make lunch - get free car
49. The Citizen's Advice Bureau is your friend
      Cook at home often
50. Make your own coffee
51. Brown bag lunch at least a few days a week
52. Make a list before going shopping
53. Go grocery shopping while you are in a hurry
54. Watch out for expiration dates on perishable goods
55. Buy in bulk whenever possible
56. Buy generic products whenever possible
57. Use grocery store bags to line trash cans
58. Consolidate and pay off debt as soon as possible
59. Pay your bills on time and avoid late fees
60. Be aware of your bank balance and avoid over draft              fees